แบบฟอร์มสมัครงาน Thanachart Application Form
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้สมัครงาน
บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) และบริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่มธนชาต (“กลุ่มบริษัท”) ตระหนักดีถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและความรับผิดชอบของบริษัทและกลุ่มบริษัท เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย (“การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และ/หรือพนักงาน ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (“เจ้าของข้อมูล”) บริษัทและกลุ่มบริษัทจึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)
บทนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน
“พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายลำดับรองที่อาศัยอำนาจ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการตราขึ้น และตามที่มีการแก้ไขเป็นครั้งคราว
“คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) มีวัตถุประสงค์ที่จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลได้ทราบดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทและกลุ่มบริษัทมีการเก็บรวบรวม
2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
4. บุคคลที่อาจจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบริษัทและกลุ่มบริษัท
5. การโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ
6. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลบุคคลและช่องทางการขอใช้สิทธิ
8. มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
9. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย
10. ข้อมูลเพิ่มเติมและช่องทางการติดต่อสอบถาม
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทและกลุ่มบริษัทมีการเก็บรวบรวม
บริษัทและกลุ่มบริษัทอาจจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังต่อไปนี้
1.1 กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้สมัครงาน
(ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เพื่อระบุตัวบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเกิด อายุ อาชีพ เพศ สถานภาพทางการสมรส รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์บ้าน หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่เพื่อจัดส่งไปรษณีย์ เลขที่หนังสือเดินทาง อีเมล และรายละเอียดข้อมูลติดต่อ อื่น ๆ ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน ข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้างและผลประโยชน์ที่ได้รับอยู่ในปัจจุบัน
(ข) ข้อมูลเกี่ยวกับคุณวุฒิและประวัติการทำงานของเจ้าของข้อมูล เช่น ประกาศนียบัตรจากโรงเรียน/มหาวิทยาลัย ประวัติการศึกษา การทดสอบทางวิชาการหรือภาษา ใบอนุญาตประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ หนังสือรับรองและหนังสืออ้างอิงที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน ประวัติการทำงาน และระยะเวลาการทำงาน ซึ่งอาจรวมถึงชื่อและที่อยู่ของนายจ้าง
(ค) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลความพิการ ประวัติอาชญากรรม ศาสนา เป็นต้น โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความอ่อนไหวเหล่านี้ ต่อเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ผ่านการสัมภาษณ์งานแล้ว โดยบริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเหล่านี้ เพื่อประกอบการพิจารณาเข้าทำสัญญา และประเมินความพร้อมในการเข้าทำงานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
(ง) ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลบุคคลอ้างอิง และบุคคลที่ติดต่อได้ เป็นต้น
1.2 กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นพนักงานของบริษัท
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการพิจารณาและเข้าทำสัญญาเป็นพนักงานของบริษัท บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ไว้ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครงาน และจะเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคลอื่นๆของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นเพิ่มเติมดังนี้
(ก) ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน เช่น สัญญาจ้างแรงงาน , ประสบการณ์การทำงาน, ประวัติการเกณฑ์ทหาร ข้อมูลการสัมภาษณ์งาน รายได้ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตขับขี่ (กรณีมีตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง) และหลักฐานอ้างอิงต่างๆ ตลอดจนข้อมูลที่บริษัทได้จากบุคคลผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Reference Person)
(ข) ข้อมูลที่อันเกิดจากการปฏิบัติงาน เช่น รหัสพนักงาน ตำแหน่งงาน รายละเอียดของงาน สายการบังคับบัญชา ชั่วโมงการทำงาน ระเบียบและเงื่อนไขของการจ้างงาน ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางในหน้าที่การงาน หรือที่เกี่ยวเนื่องจากกับหน้าที่การงาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลที่ได้จากกล้องวงจรปิดในสถานประกอบการของบริษัท ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าออกสถานที่ทำงาน เทปบันทึกเสียงและการบันทึกข้อมูลการใช้โทรศัพท์ อีเมลและข้อมูลการใช้ระบบการสื่อสารหรือระบบสารสนเทศของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเจ้าของข้อมูลกับบริษัทเท่าที่จำเป็นและไม่ขัดต่อกฎหมาย ข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งอุบัติเหตุและความปลอดภัยในที่ทำงาน
(ค) ข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้างและผลประโยชน์ เช่น เงินเดือน และผลตอบแทนต่างๆ เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ข้อมูลทางภาษี ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ และประกันชีวิต ตลอดจนข้อมูลของบุคคลภายนอกผู้ได้รับผลประโยชน์
(ง) ข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินศักยภาพการทำงาน เช่น ข้อมูลการประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี การปฏิบัติตามกฎข้อบังคับและระเบียบของบริษัท ประวัติการใช้วันหยุดตามกฎหมายหรือการขาดงาน หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในสถานประกอบการและความปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบและการประเมินความเสี่ยง
(จ) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ประวัติสุขภาพ เพื่อให้ให้สวัสดิการแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การทำประกันสุขภาพ หรือการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล
ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการเข้าทำสัญญา การประเมินความสามารถในการทำงาน การบริหารจัดการสวัสดิการ การปฏิบัติตามสัญญา หรือ การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัท บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้หรือให้บริการแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างเต็มรูปแบบ หรือ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอาจไม่สามารถใช้บริการของบริษัทได้อย่างเหมาะสม หรืออาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่บริษัทหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม
2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทและกลุ่มบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลโดยวิธีต่อไปนี้
2.1 เมื่อเจ้าของข้อมูลแสดงเจตนาสมัครงานและเข้ารับการสัมภาษณ์กับบริษัท
2.2 เมื่อเจ้าของข้อมูลตกลงเข้าทำสัญญาจ้างแรงงานกับบริษัท
2.3 เมื่อเจ้าของข้อมูลเป็นพนักงานและปฏิบัติงานให้กับบริษัท
โดยทั่วไปบริษัทและกลุ่มบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล เว้นแต่บางกรณีที่บริษัทและกลุ่มบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูลจากบุคคลอื่นที่แนะนำเจ้าของข้อมูลให้บริษัทและกลุ่มบริษัท อาทิ บริษัทจัดหางาน และหากไม่เป็นอุปสรรคและไม่เป็นการขัดต่อวัตถุประสงค์ในการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทและกลุ่มบริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงการได้รับและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ รวมไปถึงวัตถุประสงค์ใน การใช้ เมื่อบริษัทและกลุ่มบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว
เมื่อเจ้าของข้อมูลให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกแก่บริษัทและกลุ่มบริษัท เช่น บุคคลอ้างอิง สมาชิกในครอบครัว หรือญาติ แล้วแต่กรณี เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำสัญญาจ้างแรงงาน หรือสำหรับกรณีเหตุฉุกเฉิน หรือเพื่อจัดการผลประโยชน์ เจ้าของข้อมูลรับรองและรับประกันความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น พร้อมทั้งรับรองและรับประกันว่าเจ้าของข้อมูลได้แจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบอย่างครบถ้วนแล้วเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้ และในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องได้รับความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกดังกล่าว เจ้าของข้อมูลจะต้องดำเนินการใดๆ ที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกเหล่านั้นได้อย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
3.1 สำหรับผู้สมัครงาน กล่าวคือ เพื่อพิจารณาและดำเนินกระบวนการต่างๆที่จำเป็นในการรับสมัครงาน เช่น การพิจารณาประวัติของเจ้าของข้อมูล การสัมภาษณ์งาน การเตรียมเอกสารประกอบการรับสมัครงาน การจัดการเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพ และการดำเนินการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
3.2 สำหรับพนักงาน
(ก) เพื่อพิจารณาข้อตกลงเกี่ยวกับการจ้าง การเตรียมเอกสารเพื่อเข้าทำสัญญาจ้าง รวมถึงการเข้าทำสัญญาจ้างกับบริษัท
(ข) เพื่อการปฏิบัติตามสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาจ้างระหว่างเจ้าของข้อมูลกับบริษัท
(ค) เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือ บุคคลภายนอก (หากมี) เช่น การประเมินความสามารถในการทำงาน การวัด/ ประเมินผล การวิเคราะห์และจัดอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการทำงานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล การสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานภายในองค์กร การตรวจสอบข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย การช่วยเหลือพนักงานในการปรับตัวเข้ากับงานใหม่ การจัดสวัสดิการ จัดทำบันทึกข้อมูลลูกจ้าง การทำประกันภัย ประวัติทางการแพทย์และแผนประกัน การวางแผนและการดำเนินการเกี่ยวกับการจ้างพนักงานและการฝึกอบรม การเลื่อนขั้น การย้ายงาน การมอบหมายให้พนักงานไปปฏิบัติงานที่อื่น และเพื่อปฏิบัติตามกระบวนการ กฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับ รวมถึงการวางแผนกำลังคน ข้อกำหนดการจ่ายค่าจ้าง ค่าชดเชย ผลประโยชน์ แผนค่าตอบแทน ข้อเสนอในอนาคต รางวัล บัญชีค่าตอบแทน การประเมินผลการปฏิบัติงาน การรายงานภายใน การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการงานในการจ้างงานรายเดือนหรือรายวัน การติดต่อสื่อสารภายใน การแจ้งการนัดหมายแก่บุคคลทั้งภายในและภายนอก การประเมินใบสมัครงานสำหรับโอกาสในงานใหม่และการตัดสินใจในการจ้างงาน รวมถึงการประเมินการเลื่อนตำแหน่ง ความสามารถในการทำงานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การตรวจสอบโอกาสที่เท่าเทียมกัน
(ง) เพื่อการทำวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล และการทำวิจัยสถิติเกี่ยวกับการจ้างงาน การวัด/ ประเมินผล หรือกระบวนการที่คล้ายคลึงที่เกี่ยวกับการจ้างงานและบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลของเรา ซึ่งรวมไปถึงการทำแบบสำรวจ สถิติของรัฐบาล หรือการตอบแบบฟอร์มคำร้องใด ๆ ของรัฐ
(จ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บ บันทึก สำรอง หรือทำลายข้อมูล
(ฉ) เพื่อการจัดระบบรักษาความปลอดภัย
(ช) เพื่อการตรวจสอบและสืบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความประพฤติที่ไม่เหมาะสมการกระทำความผิดทางวินัย และ/หรือกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการสืบสวนภายใน หรือการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจ
(ซ) การปฏิบัติตามกฎหมาย และนโยบายของบริษัท
- เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อตกลง หรือนโยบายที่ใช้บังคับ ซึ่งกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท หรือหน่วยงานที่ดูแลธุรกิจประกันภัย หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจของกลุ่มบริษัท ไม่ว่าหน่วยงานใดก็ตาม
- เพื่อวัตถุประสงค์ของการบังคับใช้กฎหมาย หรือการให้ความช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือ การสืบสวนโดยบริษัทและกลุ่มบริษัทหรือในนามของบริษัทและกลุ่มบริษัท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือโดยหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ในประเทศ และการดำเนินการตามหน้าที่ในการรายงาน และข้อกำหนดต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่มีการตกลงเห็นชอบกับหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ในประเทศหรือเขตการปกครองใดๆ หรือการดำเนินการตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานของรัฐ
- เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และการตรวจสอบธุรกิจของบริษัทและกลุ่มบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบภายใน หรือการตรวจสอบจากบุคคลภายนอก
- เพื่อการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดภายใต้นโยบายภายในของบริษัทและกลุ่มบริษัทที่ยึดถือปฏิบัติ
(ฌ) เพื่อการปรับโครงสร้างของบริษัท กล่าวคือ เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัทและกลุ่มบริษัท และเพื่อการทำธุรกรรมของบริษัทและกลุ่มบริษัท
(ญ) การดำเนินการที่จำเป็น ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กล่าวข้างต้น
เว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะอนุญาตให้กระทำเป็นอย่างอื่น บริษัทและกลุ่มบริษัทจะแจ้งและขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล หากบริษัทและกลุ่มบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายฉบับนี้
4. บุคคลที่อาจจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบริษัทและกลุ่มบริษัท
บริษัทและกลุ่มบริษัทจะรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้เป็นความลับ แต่ทั้งนี้ ในกรณีที่กฎหมายที่ใช้บังคับอนุญาตให้กระทำได้ หรือกรณีที่การเปิดเผยดังกล่าวมีความจำเป็น เพื่อให้สามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุข้างต้น บริษัทและกลุ่มบริษัทอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นแก่บุคคลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
4.1 บริษัทใดๆในกลุ่มบริษัท
4.2 ที่ปรึกษาภายในหรือภายนอก ผู้เชี่ยวชาญ หรือที่ปรึกษาอื่นใดของบริษัทในเครือ
4.3 ให้บริการใดๆซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่สาม หรือตัวแทนผู้ให้บริการใดๆที่จำเป็นในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้างต้น เช่น ตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัย บริษัทผู้รับประกันภัย ผู้สรรหาบุคลากร ผู้ให้บริการระบบสนับสนุนการทำงานของฝ่ายทรัพยากรบุคคล และ/หรือผู้ให้บริการดูแลรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท
4.4 หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย คณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท หรือบุคคลอื่นใดในประเทศที่บริษัทและกลุ่มบริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลให้
(ก) ตามหน้าที่ตามกฎหมายและ/ หรือตามหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบในประเทศไทย และอาจรวมถึงหน่วยงานของรัฐในประเทศที่กลุ่มบริษัทตั้งอยู่ หรือ
(ข) ตามข้อตกลงหรือนโยบายระหว่างบริษัทและกลุ่มบริษัทกับรัฐ หน่วยงานกำกับดูแล หรือบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
4.5 บุคคลหรือหน่วยงานใดๆ ที่เจ้าของข้อมูลให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้นๆ ได้
4.6 ผู้เข้าทำธุรกรรม หรือ จะเข้าทำธุรกรรมกับบริษัทและกลุ่มบริษัท โดยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลอาจเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อหรือขาย หรือเป็นส่วนหนึ่งของการเสนอซื้อหรือเสนอขายของกิจการของบริษัท (หากมี)
4.7 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
4.8 บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
5. การโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ
ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลอาจถูกโอนไป ถูกจัดเก็บไว้ หรือประมวลผลโดยบริษัทและกลุ่มบริษัท หรืออาจถูกส่งให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ ตามรายละเอียดข้างต้น ซึ่งอาจมีที่ตั้งหรืออาจให้บริการอยู่ในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทย ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล จะถูกโอนไปยังสถานที่อื่นๆ ตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยหากเป็นการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลระหว่างบริษัทและกลุ่มบริษัท บริษัทและกลุ่มบริษัทจะดำเนินการตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายในกลุ่มบริษัท (Binding Corporate Rules) ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ (หากมี)
6. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทและกลุ่มบริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้ ตราบเท่าที่จำเป็นต้องเก็บ เพื่อการดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทและกลุ่มบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่เจ้าของข้อมูลสิ้นสุดความสัมพันธ์ หรือ การติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัทและกลุ่มบริษัท บริษัทและกลุ่มบริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลนานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต
บริษัทและกลุ่มบริษัทจะมีการดำเนินการในขั้นตอนอันเหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวเจ้าของข้อมูล ตามระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น
7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลบุคคลและช่องทางการขอใช้สิทธิ
เจ้าของข้อมูลมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ดังต่อไปนี้
7.1 สิทธิในการเพิกถอน หรือ ร้องขอให้เปลี่ยนแปลงความยินยอมของเจ้าของข้อมูลได้ให้ไว้กับบริษัท
7.2 สิทธิในการเข้าถึง หรือขอรับสำเนาของข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือเข้าถึงข้อมูลว่าบริษัทและกลุ่มบริษัท ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลอย่างไร รวมถึงสิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ความยินยอม
7.3 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
7.4 สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
7.5 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
7.6 สิทธิในการขอให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
7.7 สิทธิในการขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ บริษัทและกลุ่มบริษัทจะดำเนินการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือระยะเวลาตามสมควร เมื่อมีการร้องขอตามช่องทางการขอใช้สิทธิด้านล่าง โดยบริษัทและกลุ่มบริษัทอาจขอสงวนสิทธิไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล ตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายที่ใช้บังคับจะอนุญาต
นอกจากนั้น เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะเสนอข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทและกลุ่มบริษัทต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามขั้นตอนที่กำหนดใน พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ช่องทางการขอใช้สิทธิ
เจ้าของข้อมูลสามารถส่งคำร้องขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลได้ตามช่องทางด้านล่าง
- Website : www.thanachartinsurance.co.th
- หมายเลขโทรศัพท์ 0-2308-9369 วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.30 น. – 17.00 น.
- E-mail: DPO.TNI@thanachart.co.th
อย่างไรก็ดี หากปรากฏอย่างชัดเจนว่าคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลเป็นคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล หรือ คำร้องขอฟุ่มเฟือย บริษัทและกลุ่มบริษัทอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอใช้สิทธิข้างต้นเท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอนุญาต
8. มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยภายในบริษัทและการใช้บังคับนโยบายอย่างเข้มงวดในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ปลอดภัย ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัสข้อมูล และมาตรการป้องกันการเข้าถึงข้อมูล โดยบริษัทกำหนดให้บุคลากรของบริษัท และผู้ให้บริการภายนอกจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานและนโยบายการคุ้มครองข้อมูลที่เหมาะสม รวมถึงจะต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมตามมาตรฐานที่กฎหมายและบริษัทกำหนด
9. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้
บริษัทและกลุ่มบริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนนโยบายฉบับนี้ เท่าที่กฎหมายอนุญาต โดยบริษัทและกลุ่มบริษัทจะแจ้งการแก้ไข การเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนนโยบายให้เจ้าของข้อมูลทราบ หากการแก้ไขปรับปรุงนโยบายนั้นเป็นสาระสำคัญของนโยบายฉบับนี้ การแจ้งนั้นสามารถทำได้ทางอีเมล หรือวิธีการสื่อสารทั่วไปวิธีอื่นๆ และหากจำเป็น บริษัทและกลุ่มบริษัทอาจขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น
10. ข้อมูลเพิ่มเติมและช่องทางการติดต่อสอบถาม
หากเจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใดๆ ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทและกลุ่มบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลกรุณาติดต่อบริษัทและกลุ่มบริษัทที่ช่องทางการใช้สิทธิตามที่ระบุไว้ข้างต้น